ใบความรู้ที่
1
ความหมาย
ความสำคัญ และองค์ประกอบของโครงงาน
1. ความหมาย
โครงงาน
หมายถึง
กิจกรรมที่ทำให้ได้เรียนรู้ด้วยตนเองจากการลงมือปฏิบัติจริงในลักษณะของการศึกษา
สำรวจ ค้นคว้า ทดลอง ประดิษฐ์คิดค้น ซึ่งผู้เรียนเป็นผู้คิด หัวเรื่องจัดหาข้อมูล
ทดลอง สรุปผล เขียนรายงาน แสดงผลงาน โดยมีครูเป็นผู้กระตุ้น แนะนำ
และให้คาปรึกษาอย่างใกล้ชิด
โครงงานวิทยาศาสตร์
หมายถึง กิจกรรมที่ให้นักเรียนรู้จักวิธีการทำโครงงานวิจัยเล็กๆ
ผู้เรียนลงมือปฏิบัติเพื่อพัฒนาความรู้ ทักษะ และสร้างผลผลิตที่มีคุณภาพ
ระเบียบวิธีดำเนินการเป็นระบบ วิธีการทางวิทยาศาสตร์
จุดประสงค์หลักของการสอนแบบโครงงานต้องการกระตุ้นให้นักเรียนรู้จักสังเกต
รู้จักตั้งคาถาม รู้จักตั้งสมมติฐาน รู้จักวิธีแสวงหาความรู้ด้วยตนเอง
เพื่อตอบคาถามที่ตนอยากรู้ รู้จักสรุป
และทาความเข้าใจกับสิ่งที่ค้นพบโครงงานอาจจัดในเวลาเรียน หรือนอกเวลาเรียนก็ได้
โครงงานอาชีพ หมายถึง กิจกรรมเสริมหลักสูตรวิชาการงานอาชีพที่เปิดโอกาสให้นักเรียนได้ศึกษาเรื่องใดเรื่องหนึ่งที่เกี่ยวข้องกับการงานอาชีพและเทคโนโลยีตามความถนัดและความสนใจด้วยวิธีการบูรณาการความรู้ต่าง ๆ ที่ได้เรียนมา ภายในการแนะนำ ปรึกษา ช่วยเหลือ และดูแลจากครูหรือผู้ทรงคุณวุฒิ อาจจัดในเวลาเรียนหรือนอกเวลาเรียนก็ได้ รวมทั้งสามารถดำเนินกิจกรรมได้ทั้งในและนอนกโรงเรียน ซึ่งอาจทำเป็นรายบุคคลหรือกลุ่มก็ได้ แล้วจัดเขียนเป็นรายงาน และแสดงผลงานที่ทำเผยแพร่สำหรับเป็นแนวทางในการพัฒนาศึกษาต่อ
โครงงานเทคโนโลยี เป็นรูปแบบการทำโครงงานที่เกี่ยวกับการนำความรู้ ทักษะ และทรัพยากรมาสร้างหรือประดิษฐ์เครื่องมือ อุปกรณ์ หรือวิธีการเพื่อแก้ปัญการหรือ หรือสนองความต้องการ ซึ่งอาจเป็นการสร้างหรือประดิษฐ์ของใหม่ ๆ ปรับปรุงหรือพัฒนาของเดิมที่มีอยู่แล้วให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้นตามเทคโนโลยีอย่างปลอดภัย โดยกำหนดปัญหาหรือคความต้องการรวบรวมข้อมูล เลือกวิธีการออกแบบถ่ายทอดความคิดเป็นภาพร่างหรือแผนที่ความคิดก่่อนลงมือสร้างและประเมินผล โดยใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์มาบูรณาการจัดทำโครรงานเทคโนโลยีโดยใช้โปรแกรม Desktop Author, Flip Album, Ulead, Word, Excel, powerpoint, Captivate เป็นต้น
สรุป โครงงาน คืองานวิจัยเล็ก ๆ สำหรับนักเรียน เป็นการแก้ปัญหาหรือข้อสงสัยหาคำตอบโดยใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ และอาจใช้เครื่องมือหรืออุปกรณ์ต่างๆ ช่วยในการศึกษา ค้นคว้า หรือให้การศึกษาค้นคว้านั้นบรรลุวัตถุประสงค์ อาจทำในเวลาเรียนหรือนอกเวลาเรียนก็ได้ โดยไม่จำกัดสถานที่ อาจทำเป็นรายบุคคลหรือเป็นกลุ่มได้ หากเนื้อหาหรือข้อสงสัยเป็นไปตาม รายวิชาใดจะเรียกว่าโครงงานในรายวิชานั้น ๆ เช่น โครงงานวิทยาศาสตร์ โครงงานคณิตศาสตร์ โครงงานอาชีพ เป็นต้น
กิจกรรมทางการงานอาชีพและเทคโนโลยีที่ศึกษาโดยใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ เป็นกิจกรรมหนึ่งของชุมชุนการงานอาชีพและเทคโนโลยี
โครงงานอาชีพ หมายถึง กิจกรรมเสริมหลักสูตรวิชาการงานอาชีพที่เปิดโอกาสให้นักเรียนได้ศึกษาเรื่องใดเรื่องหนึ่งที่เกี่ยวข้องกับการงานอาชีพและเทคโนโลยีตามความถนัดและความสนใจด้วยวิธีการบูรณาการความรู้ต่าง ๆ ที่ได้เรียนมา ภายในการแนะนำ ปรึกษา ช่วยเหลือ และดูแลจากครูหรือผู้ทรงคุณวุฒิ อาจจัดในเวลาเรียนหรือนอกเวลาเรียนก็ได้ รวมทั้งสามารถดำเนินกิจกรรมได้ทั้งในและนอนกโรงเรียน ซึ่งอาจทำเป็นรายบุคคลหรือกลุ่มก็ได้ แล้วจัดเขียนเป็นรายงาน และแสดงผลงานที่ทำเผยแพร่สำหรับเป็นแนวทางในการพัฒนาศึกษาต่อ
โครงงานเทคโนโลยี เป็นรูปแบบการทำโครงงานที่เกี่ยวกับการนำความรู้ ทักษะ และทรัพยากรมาสร้างหรือประดิษฐ์เครื่องมือ อุปกรณ์ หรือวิธีการเพื่อแก้ปัญการหรือ หรือสนองความต้องการ ซึ่งอาจเป็นการสร้างหรือประดิษฐ์ของใหม่ ๆ ปรับปรุงหรือพัฒนาของเดิมที่มีอยู่แล้วให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้นตามเทคโนโลยีอย่างปลอดภัย โดยกำหนดปัญหาหรือคความต้องการรวบรวมข้อมูล เลือกวิธีการออกแบบถ่ายทอดความคิดเป็นภาพร่างหรือแผนที่ความคิดก่่อนลงมือสร้างและประเมินผล โดยใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์มาบูรณาการจัดทำโครรงานเทคโนโลยีโดยใช้โปรแกรม Desktop Author, Flip Album, Ulead, Word, Excel, powerpoint, Captivate เป็นต้น
สรุป โครงงาน คืองานวิจัยเล็ก ๆ สำหรับนักเรียน เป็นการแก้ปัญหาหรือข้อสงสัยหาคำตอบโดยใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ และอาจใช้เครื่องมือหรืออุปกรณ์ต่างๆ ช่วยในการศึกษา ค้นคว้า หรือให้การศึกษาค้นคว้านั้นบรรลุวัตถุประสงค์ อาจทำในเวลาเรียนหรือนอกเวลาเรียนก็ได้ โดยไม่จำกัดสถานที่ อาจทำเป็นรายบุคคลหรือเป็นกลุ่มได้ หากเนื้อหาหรือข้อสงสัยเป็นไปตาม รายวิชาใดจะเรียกว่าโครงงานในรายวิชานั้น ๆ เช่น โครงงานวิทยาศาสตร์ โครงงานคณิตศาสตร์ โครงงานอาชีพ เป็นต้น
กิจกรรมทางการงานอาชีพและเทคโนโลยีที่ศึกษาโดยใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ เป็นกิจกรรมหนึ่งของชุมชุนการงานอาชีพและเทคโนโลยี
ผังกราฟฟิก เรื่อง ความหมายของโครงงานการงานอาชีพและเทคโนโลยี
กระบวนการวิทยาศาสตร์ที่ใช้คือ
1. เมื่อนักเรียนเกิดปัญหา
2. นักเรียนก็ตอบปัญหาชั่วคราว (สมมติฐาน)
3. นักเรียนจะต้องออกแบบการทดลองเพื่อพิสูจน์ปัญหาว่าจริงหรือไม่
4. ทำการทดลอง หรือศึกษาค้นคว้าเพื่อสรุปผล
4.1 ถ้าคำตอบไม่ตรงกับสมมติฐานที่ตั้งไว้ ก็ตั้งสมมติฐานใหม่ และทำข้อ 3 ข้อ 4 จนเป็นจริง
4.2 เมื่อคำตอบตรงกับสมมติฐาน ก็จะทำให้ได้ความรู้ใหม่ และเกิดคำถามใหม่
5. นำผลที่ได้ไปใช้ประโยชน์
ในการที่นักเรียนจะทำโครงงาน นักเรียนจะต้องเป็นผู้เลือกที่จะศึกษาค้นคว้า ดำเนินการวางแผน ออกแบบ ประดิษฐ์ สำรวจ ทดลอง เก็บรวบรวมข้อมูล รวมทั้งการแปรผล สรุปผล และการนำเสนอผลงาน โดยตัวนักเรียนเอง ครูเป็นเพียงผู้ดูแลและให้คำปรึกษาเท่านั้น การที่นักเรียนได้ทำโครงงานนอกจากจะมีคุณค่าทางด้านการฝึกให้นักเรียนมีความรู้ ความชำนาญ และมีความมั่นใจในการนำเอาวิธีการทางวิทยาศาสตร์ไปใช้ในการแก้ปัญหา หรือค้นคว้าหาความรู้ต่าง ๆ ด้วยตนเองแล้วยังจะให้คุณค่าอื่น ๆ คือ
1. รู้จักตอบปัญหาโดยใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ ไม่หลงเชื่องมงายไร้เหตุผล
2. ได้ศึกษาค้นคว้าหาความรู้ในเรื่องที่ตนเองสนใจได้อย่างลึกซึ้งกว่าการสอนของครู
3. ทำให้นักเรียนได้แสดงความสามารถพิเศษของตนเอง
4. ทำให้นักเรียนสนใจเรียนในรายวิชานั้น ๆ
โครงงานพัฒนาสื่อเพื่อการศึกษา
โครงงานประเภทนี้
เป็นการใช้คอมพิวเตอร์ผลิตสื่อการเรียนการสอน โดยสร้างเป็นโปรแกรมคอมพิวเตอร์ช่วยสอน ซึ่งจะประกอบด้วยเนื้อหาแต่ละหน่วยการเรียน แบบฝึกหัด
การทดสอบก่อนเรียน
และการทดสอบหลังเรียน เป็นต้น โดยที่ครูจะใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์ช่วยสอนนี้ เป็นอุปกรณ์ในการสอนซ่อมเสริม
หรือนำมาใช้เป็นการทบทวนบทเรียนให้แก่นักเรียน จะทำให้นักเรียนสามารถเรียนเพิ่มเติม หรือทบทวนในเนื้อหาที่ยังไม่เข้าใจได้
ในปัจจุบันได้พัฒนาเป็นบทเรียนออนไลน์ โดยนำเทคโนโลยีสารสนเทศเข้ามาช่วยในการพัฒนาสื่อเพื่อการศึกษา
ซึ่งบทเรียนออนไลน์จะเป็นบทเรียนที่นักเรียน
หรือบุคคลที่สนใจสามารถเข้าไปเรียนรู้ได้ด้วยตนเองและสามารถเรียนได้ทุกที่ โดยไม่ต้องคำนึงถึงห้องเรียน และช่วงเวลาที่จะเข้าไปเรียน
ดังนั้นโครงงานพัฒนาสื่อเพื่อการศึกษาจะเป็นประโยชน์ในการศึกษาเรียนรู้ในยุคปัจจุบันได้เป็นอย่างดี
โครงงานพัฒนาเครื่องมือ
โครงงานประเภทนี้เป็นการพัฒนาซอฟต์แวร์
เพื่อนำมาประยุกต์ใช้กับการทำงานด้านต่างๆ เช่น
ซอฟต์แวร์ช่วยในการฝึกพิมพ์ดีด
ซึ่งแต่ก่อนจะใช้เครื่องพิมพ์ดีด
แต่ในปัจจุบันความนิยมในการใช้พิมพ์ดีดน้อยลง แต่การใช้เครื่องคอมพิวเตอร์มากขึ้น ซึ่งนำ 2 สิ่งนี้มาประยุกต์ใช้ร่วมกัน
เพราะการพิมพ์งานที่ถูกต้องต้องมีทักษะด้านการพิมพ์เหมือนกับเราเรียนพิมพ์ดีด
แต่ใช้เครื่องคอมพิวเตอร์เป็นอุปกรณ์แทนเครื่องพิมพ์ดีด และหลักการพิมพ์แต่ละขั้นตอน ก็ถูกพัฒนาเป็นซอฟต์แวร์
เนื่องจากตำแหน่งอักษรของแป้นพิมพ์คอมพิวเตอร์นั้นเหมือนกับแป้นพิมพ์ดีด
โครงงานพัฒนาเครื่องมือประเภทอื่นๆ
เช่น ซอฟต์แวร์ในการสร้างภาพ ซอฟต์แวร์ในการคำนวณระยะทาง หรือซอฟต์แวร์หมอดู เป็นต้น
ซึ่งนักเรียนมีความสนใจด้านใด
ก็สามารถพัฒนาซอฟต์แวร์ สำหรับเป็นเครื่องมือเพื่อประยุกต์ให้กับงานเหล่านั้น
โครงงานจำลองทฤษฎี โครงงานจำลองทฤษฎี
จะพัฒนาขั้นมาเพื่อช่วยการจำลองทฤษฎีสาขาต่างๆ ที่ไม่สามารถใช้เหตุการณ์ หรือสถานการณ์จริงได้
เป็นโครงงานที่นักเรียนจะต้องศึกษาค้นคว้าความรู้ หลักการ
แนวคิด และข้อเท็จจริงต่างๆ ของทฤษฏีนั้นอย่างลึกซั้ง และสร้างแบบจำลองเหตุการณ์ต่างๆ ขึ้นมา
ซึ่งโครงงานนี้จะเป็นการสร้างองค์ความรู้และการบูรณาการความรู้อย่างชัดเจน เช่นโครงงานจำลองอุกาบาตรชนโลก จะต้องศึกษาทั้งทฤษฎีด้านคอมพิวเตอร์ วิทยาศาสตร์
และดาราศาสตร์ และนำความรู้ที่ได้มาบูรณาการ เพื่อความถูกต้องตามหลักทฤษฎี
โครงงานจำลองทฤษฎี
จะเห็นว่าบริษัทผลิตรถยนต์ได้นำมาใช้สร้างเป็นเหตุการณ์จำลอง
ในการทดสอบความปลอดภัยของรถยนต์เมื่อรถพุ่งชนกำแพง คนขับจะมีความปลอดภัยในระดับใด จะใช้หลักการคำนวณตามหลักวิทยาศาสตร์ เมื่อมีความเร็วของรถยนต์ผสมผสานกับแรงกระแทกจะเกิดเหตุการณ์ใดขึ้น นอกจากนี้โครงงานจำลองทฤษฎี สามารถนำมาทดลองในเรื่องต่างๆ ได้อีก เช่น
การทดลองสภาวะโลกร้อน
การทดสองการขับเครื่องบิน
การทดลองระบบสุริยจักรวาล เป็นต้น
โครงงานการประยุกต์ใช้งาน
เป็นโครงงานที่พัฒนาซอฟต์แวร์
เพื่อนำมาประยุกต์ใช้งานจริงในชีวิตประจำวัน
ซึ่งจะพบว่าปัจจุบันได้พัฒนาซอฟต์แวร์สำหรับการประยุกต์ใช้งานด้านต่างๆ มากมาย
เช่น
ซอฟต์แวร์สำหรับการออกแบบและตกแต่งภายใน
ในร้านขายวัสดุก่อสร้าง
ได้นำซอฟต์แวร์ประเภทนี้มาช่วยในการตัดสินใจให้แก่ลูกค้า
โดยจะสร้างเป็นการจำลองตามความต้องการของลูกค้าและลูกค้าก็จะเห็นภาพเสมือนจริงนั้น ซึ่งสามารถปรับเปลี่ยนแก้ไขได้ในทันที
โครงงานประยุกต์ใช้งานจะเป็นการประดิษฐ์นวัตกรรมใหม่ๆ
หรือเป็นการพัฒนาปรับเปลี่ยนของเดิมให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
ซอฟต์แวร์หรือฮาร์ดแวร์ประเภทโครงงานประยุกต์ใช้งานอย่างมากมายในปัจจุบันเพราะมนุษย์ต้องการความสะดวกและรวดเร็ว
นอกจากซอฟต์แวร์ที่พัฒนาขึ้นมาจะใช้กับเครื่องคอมพิวเตอร์แล้ว ยังสามารถนำไปใช้กับอุปกรณ์อื่นๆ ได้อีก เช่น
โทรศัพท์มือถือ เครื่องคอมพิวเตอร์แบบพกพา หรือพีดีเอ ( PDA :
Personal Digital Assistants )
ปาล์มคอมพิวเตอร์ ( Palm Computer )
เป็นต้น
โครงงานประยุกต์ใช้งานในชีวิตประจำวัน
เช่น
ซอฟต์แวร์การตรวจสอบสัญญาณโทรศัพท์มือถือ
ซอฟต์แวร์การออกแบบผลิตภัณฑ์
ซอฟต์แวร์การตรวจสอบบุคคล เป็นต้น
โครงงานพัฒนาโปรแกรมประยุกต์
(หรือพัฒนาเกม)
ในปัจจุบันเกมคอมพิวเตอร์
ได้เข้ามามีบทบาทต่อเยาวชนเป็นอย่างยิ่ง
ดังนั้นโครงงานพัฒนาเกม
จึงเป็นอีกโครงงานที่จะส่งเสริมการสร้างเกมจากจินตนาการของนักเรียน
ซึ่งจะทำให้ได้เกมสีขาวที่ไม่มีพิษภัยต่อผู้เล่น หรือเป็นการสร้างเกมในเชิงสร้างสรรค์ โดยใช้ตัวละครตามวรรณคดีเป็นผู้เล่น เช่น
เกมผจญภัยทะลุมิติ
แต่ตัวละครในเกมจะใช้เป็นหนุมาน
พระลักษมณ์ พระราม นางสีดา
และทศกัณฐ์ ซึ่งเป็นตัวละครในเรื่องรามเกียรติ์
เป็นการผสมผสานความรู้ด้านวรรณคดีได้เป็นอย่างดี และทำให้ผู้เล่นเกมมีความเข้าใจ สามารถจำลักษณะของตัวละครเหล่านั้นได้
กฎกติการการเล่นเกมผู้พัฒนาโครงงานสามารถกำหนดขั้นมาได้เองตามความเหมาะสมหรือพัฒนาเกมประเภทฝึกสมอง ประลองปัญญา
เช่น เกมจับคู่
เกมทายคำศัพท์ภาษาอังกฤษ
เป็นต้น
จึงเป็นอีกรูปแบบของโครงงานประเภทนี้
หรือนำบทเรียนที่ยากต่อการท่องจำมาสร้างในลักษณะของเกมจะช่วยให้ผู้เล่นนอกจากได้รับความบันเทิงแล้ว ยังเป็นการท่องจำบทเรียนไปพร้อมกันด้วย
ดังนั้นการสร้างสรรค์เกมและสอดแทรกความรู้เข้าไปก็จะมีประโยชน์มากสำหรับผู้เล่นและผู้ประดิษฐ์คิดค้น ซึ่งการจัดทำโครงงานคอมพิวเตอร์นั้น และนักเรียนจะต้องมีความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับ
1.
หลักการทำงานของคอมพิวเตอร์
2.
กระบวนการและหลักการในการแก้ปัญหา
3. หลักการเขียนโปรแกรม
4.
การแทนข้อมูลในคอมพิวเตอร์
2.
ความสำคัญของโครงงานคอมพิวเตอร์
โครงงานคอมพิวเตอร์ คือ
ผลงานที่ได้จากการศึกษาค้นคว้าตาม ความสนใจ ความถนัดและความสามารถของผู้เรียน
โดยวิธีการทาง วิทยาศาสตร์
โครงงานจึงเป็นกิจกรรมการเรียนรู้ที่มีการเน้นผู้เรียนเป็น สำคัญ
โดยผู้เรียนจะหาหัวข้อโครงงานที่ตนเองสนใจ รวมทั้งเชื่อมโยง ความรู้ต่าง ๆ
และความรู้ด้านคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีสารสนเทศ
เพื่อสร้างผลงานตามความต้องการได้อย่างเหมาะสม โดยมีครูเป็นที่ปรึกษา และให้คำแนะนำความสามารถที่เกิดจากการทำโครงงานคอมพิวเตอร์
โครงงานคอมพิวเตอร์เป็นกิจกรรมการเรียนรู้ที่ทำให้ผู้เรียนเกิด
ความสามารถในด้านต่าง ๆ ที่สำคัญ 5 ประการ ดังนี้
1. ความสามารถในการสื่อสาร
เป็นความสามารถที่เกิดจากการที่นักเรียนเป็นผู้ทำโครงงานต้อง นำเสนอผลงานให้
ครูและเพื่อนนักเรียนให้เข้าใจโครงงานคอมพิวเตอร์ ได้อย่างชัดเจน ดังนั้น ผู้ทำโครงงานต้องสื่อสารความคิดในการ
สร้างสรรค์โครงงานด้วยการเขียน หรือด้วยปากเปล่า รวมทั้งเลือกใช้
รูปแบบของสื่ออย่างมีประสิทธิภาพเพื่อนาเสนอแนวคิดในการจัด
โครงงานให้ผู้อื่นได้เข้าใจ
2. ความสามารถในการคิด ซึ่งผู้เรียนจะมีการคิดในลักษณะต่าง
ๆ ดังนี้
1.การคิดวิเคราะห์เกิดจากการที่ผู้เรียนต้องวิเคราะห์ปัญหาและ
แยกแยะสาเหตุว่าเกิดเนื่องจากอะไร
2.การคิดสังเคราะห์เกิดจากการที่ผู้เรียนต้องนาความรู้ต่าง
ๆ ที่ เรียนมา รวมทั้งความรู้จากการค้นหาข้อมูล เพื่อใช้ในการแก้ปัญหา
หรือการสร้างสรรค์โครงงาน
3.
การคิดอย่างสร้างสรรค์เกิดจากการที่ผู้เรียนนาความรู้มา สร้างสรรค์ผลงานใหม่ ๆ
4. การคิดอย่างมีวิจารณญาณ เกิดจากการที่ผู้เรียนได้มี
การคิดไตร่ตรองว่าควรทำโครงงานใดและไม่ควรทำโครงงานใด เนื่องจากโครงงานที่สร้างขึ้นอาจส่งผลกระทบต่อสังคมโดยรวม
เช่น โครงงานระบบคำนวณเลขหวย สำหรับหาเลขที่คาดว่าสลากกินแบ่งรัฐบาลจะออกในแต่ละงวดอาจส่งผลกระทบต่อสังคม
ทำให้คนในสังคมเกิดความหมกมุ่นในกับการใช้เงินเล่นหวยมากขึ้น
5. การคิดอย่างเป็นระบบ เกิดจากการที่ผู้เรียนคิดแก้ปัญหาอย่างเป็นขั้นตอน
โดยใช้ขั้นตอนในการพัฒนาโครงงาน คือ ผู้เรียนเป็นผู้วางแผนในการศึกษา ค้นคว้า
เก็บรวบรวมข้อมูล พัฒนา หรือประดิษฐ์คิดค้นผลงาน รวมทั้งการสรุปผลและการนำเสนอผลการศึกษาค้นคว้าด้วยตนเอง
โดยมีผู้สอนและผู้ทรงคุณวุฒิเป็นผู้ให้คำปรึกษา
3. ความสามารถในการแก้ปัญหา
เกิดจากการที่ผู้เรียนวิเคราะห์ปัญหา เข้าใจ และอธิบายปัญหาทางด้านคอมพิวเตอร์
รวมทั้งประยุกต์ความรู้ ทักษะ และการใช้เครื่องมือที่เหมาะสมกับการ แก้ไขปัญหา
4. ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต
เกิดจากการที่ผู้เรียนได้นำความรู้และกระบวนการต่าง ๆ ไปใช้ในการพัฒนาโครงงาน และนำไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันได้อย่างเหมาะสม
รวมถึงการพัฒนาโครงงานก่อให้เกิดการเรียนรู้ด้วยตนเอง อันนาไปสู่การเรียนรู้
ตลอดชีวิต
5.ความสามารถในการใช้เทคโนโลยีเกิดจากการที่ผู้เรียน
สามารถเลือกใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในการแก้ปัญหาได้ อย่างถูกต้องเหมาะสม
และมีคุณธรรม
3. องค์ประกอบของโครงงานคอมพิวเตอร์
กิจกรรมที่จัดว่าเป็นโครงงานคอมพิวเตอร์ควรมีองค์ประกอบหลักดังต่อไปนี้
-
เป็นกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับซอฟต์แวร์และเครื่องคอมพิวเตอร์
-
นักเรียนเป็นผู้ริเริ่มและเลือกเรื่องที่จะศึกษาค้นคว้า
พัฒนาด้วยตนเองตามความสนใจและระดับความรู้ความสามารถ
- นักเรียนเป็นผู้วางแผนในการศึกษา ค้นคว้า
ตลอดจนการพัฒนาเก็บรวบรวมข้อมูลหรือประดิษฐ์คิดค้น รวมทั้งการสรุปผล
และการนาเสนอผลการศึกษาค้นคว้าด้วยตนเอง
โดยมีครูอาจารย์หรือผู้ทรงคุณวุฒิเป็นผู้ให้คาปรึกษา
การทำโครงงานคอมพิวเตอร์มีของเขตกว้างขวางมาก
ตั้งแต่เรื่องที่ง่าย ๆ ไปจนถึงเรื่องที่ยุ่งยากซับซ้อน
โครงงานคอมพิวเตอร์บางเรื่องอาจใช้เวลาสั้นในการพัฒนา
จนถึงเรื่องที่ใช้เวลาเป็นภาคเรียนหรือปีการศึกษา
โครงงานคอมพิวเตอร์บางเรื่องเสียค่าใช้จ่ายเพียงเล็กน้อยจนถึงนับพันบาท
นักเรียนจึงควรศึกษารายละเอียดและงบประมาณต่างๆ ของโครงงานก่อน
จึงค่อยเลือกทาโครงงานที่เหมาะสมกับระดับความรู้ ความสามารถ
และความสนใจของนักเรียน โดยทั่ว ๆ ไป
การทาโครงงานคอมพิวเตอร์จัดเป็นส่วนหนึ่งของการเรียนการสอนรายวิชาคอมพิวเตอร์ทุกระดับการศึกษา
โดยอาจจะทาเป็นกลุ่มหรอทาเป็นรายบุคคล
ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความสนใจของนักเรียนแต่ละคนแต่ละกลุ่มเป็นสำคัญ
จุดมุ่งหมายสำคัญของการทาโครงงานคอมพิวเตอร์ไม่ได้อยู่ที่การส่งเข้าประกวดเพื่อรับรางวัล
แต่เป็นโอกาสที่นักเรียนจะได้ประสบการณ์ตรงในการใช้ระบบคอมพิวเตอร์แก้ปัญหา
ประดิษฐ์คิดค้นหรือค้นคว้าหาความรู้ต่าง ๆ
ตลอดจนการแสดงผลงานของตนเองเพื่อให้นักเรียน
ผู้ปกครองและผู้ที่สนใจในชุมชนเมื่อมีการจัดกิจกรรมของโรงเรียนหรืองานอื่น ๆ
การทำโครงงานคอมพิวเตอร์และการจัดงานแสดงโครงงานจะมีคุณค่าต่อการฝึกฝนให้นักเรียนมีความรู้
ความชำนาญ และมีความมั่นใจในการนาระบบคอมพิวเตอร์ไปใช้ในการแก้ปัญหา
ประดิษฐ์คิดค้นหรือค้นคว้าหาความรู้ต่าง ๆ ด้วยตนเองและยังมีคุณค่าอื่น ๆ
อีกดังต่อไปนี้
๑.
สร้างความสานึกและความรับผิดชอบในการศึกษาและพัฒนาระบบด้วยตนเอง
๒.
เปิดโอกาสให้นักเรียนได้พัฒนาและแสดงความสามารถตามศักยภาพของตนเอง
๓.
เปิดโอกาสให้นักเรียนได้ศึกษา ค้นคว้า
และเรียนรู้ในเรื่องที่นักเรียนสนใจได้ลึกซึ้งกว่าการเรียนในห้องตามปกติ
๔.
ส่งเสริมและพัฒนากระบวนการคิด การแก้ปัญหา การตัดสินใจ
รวมทั้งการสื่อสารระหว่างกัน
๕.
กระตุ้นให้นักเรียนมีความสนใจในการเรียนวิชาสาขาคอมพิวเตอร์
และมีความสนใจที่จะประกอบอาชีพทางด้านนี้
๖.
ส่งเสริมให้นักเรียนได้ใช้เวลาอย่างเป็นประโยชน์ในทางสร้างสรรค์
๗.
สร้างความสัมพันธ์ระหว่างนักเรียนกับครูและชุมชน
รวมทั้งส่งเสริมให้ชุมชนสนใจคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องมากขึ้น
๘.
เป็นการบูรณาการเอาความรู้จากวิชาต่าง ๆ
ที่ได้รับมาจัดทาผสมผสานกับโปรแกรมคอมพิวเตอร์เป็นโครงงานเพื่อนาเสนอต่อชุมชน
การจัดทำโครงงานคอมพิวเตอร์นั้น
นักเรียนควรมีความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับการทางานของเครื่องคอมพิวเตอร์
เหตุผลที่ใช้ในการแก้ปัญหา กระบวนการแก้ปัญหา หลักการเขียนโปรแกรมเบื้องต้น
และการแทนข้อมูลในคอมพิวเตอร์ ก่อนที่จะเริ่มทาโครงงาน
และใช้ความรู้ดังกล่าวเป็นพื้นฐานในการสร้างความรู้ใหม่ในโครงงานคอมพิวเตอร์
โดยในการทาโครงงานนักเรียนอาจจะมีโอกาสได้ทาความรู้จักกับความรู้ใหม่เพิ่มเติมอีกด้วย
เช่น ปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence) ฐานข้อมูล (Database) และการสืบค้นข้อมูล (Information
Retrieval) เป็นต้น
ซึ่งจะขึ้นอยู่กับหัวข้อที่นักเรียนเลือกทำโครงงาน
องค์ประกอบเค้าโครงของโครงงานคอมพิวเตอร์
ควรมีองค์ประกอบต่อไปนี้
๑.
ชื่อโครงงาน
ถ้าเป็นโครงงานเกี่ยวกับเว็บไซต์ ใช้ชื่อโครงงานว่า การพัฒนาเว็บไซต์
เรื่อง ......................ข้างต้น ได้แก่ โครงงานพัฒนาสื่อเพื่อการศึกษา
โครงงานพัฒนาเครื่องมือ โครงงานประเภทการทดลองทฤษฎี โครงงานประเภทการประยุกต์ใช้งาน
และโครงงานพัฒนาเกม
๒.
ชื่อ สกุล ผู้ทำโครงงาน
๓.
ชื่ออาจารย์ที่ปรึกษาโครงงาน
๔.
ระยะเวลาดาเนินงาน
ให้ระบุเวลาเป็นจานวนวัน เป็นต้น
๕.
แนวคิด ที่มา และความสำคัญ อธิบายว่าเหตุใดจึงเลือกทาโครงงานนี้
โครงงานนี้มีความสำคัญอย่างไร
เรื่องที่ทาเป็นเรื่องใหม่หรือมีผู้อื่นศึกษาค้นคว้ามาก่อนบ้างแล้ว
ถ้ามีผู้อื่นศึกษามาก่อนแล้วผลที่ได้เป็นอย่างไร และเรื่องที่ทานี้จะขยายเพิ่มเติม
ปรับปรุงจากเรื่องที่ผู้อื่นทาไว้อย่างไร หรือเป็นการทำช้าเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของระบบ
๖.
วัตถุประสงค์ หลักการเขียนต้องเขียนเป็นข้อๆ
และสัมพันธ์มาจากชื่อเรื่องของโครงงาน
๗.
หลักการและทฤษฎี อธิบายถึงหลักการและทฤษฎีที่เกี่ยวข้องกับโครงงาน เช่น
โครงงานพัฒนาเว็บไซต์ ควรจะกล่าวถึงองค์ประกอบในการออกแบบเว็บไซต์และข้อผิดพลาดในการสร้างเว็บไซต์
เป็นต้น
๘.
วิธีดาเนินงาน
-
อุปกรณ์ที่ต้องใช้ ระบุวัสดุอุปกรณ์ที่จำเป็นต้องใช้มีอะไรบ้าง
วัสดุอุปกรณ์เหล่านั้นอยู่ที่ใด
และมีชิ้นใดบ้างที่ต้องจัดซื้อหรือหยิบยกมาจากที่ต่างๆ
-
กำหนดคุณลักษณะของผลงาน และเทคนิคที่ใช้ในการพัฒนา
- แนวทางการศึกษาค้นคว้าและพัฒนา
อธิบายถึงกระบวนการแก้ปัญหาที่ออกแบบไว้ และการเก็บข้อมูล การวิเคราะห์ การพัฒนา
การทดสอบ และการนาเสนอผลงาน ๙. งบประมาณที่ใช้
๑๐.
แผนปฏิบัติงาน ใช้ระบุว่า
มีแผนหรือขั้นตอนทาอะไรบ้าง แต่ละขั้นตอนใช้เวลากี่วัน เป็นต้น
๑๑.
ผลที่คาดว่าจะได้รับ
๑๒.
เอกสารอ้างอิง
ดาวน์โหลดไฟล์ PDF
ใบความรู้ที่ 1 https://drive.google.com/drive/folders/0B9jaYcs59OPJV1NVNmp6MWZYZ1U
ใบงานที่ 1.1https://drive.google.com/drive/folders/0B9jaYcs59OPJV1NVNmp6MWZYZ1U
ดาวน์โหลดไฟล์ PDF
ใบความรู้ที่ 1 https://drive.google.com/drive/folders/0B9jaYcs59OPJV1NVNmp6MWZYZ1U
ใบงานที่ 1.1https://drive.google.com/drive/folders/0B9jaYcs59OPJV1NVNmp6MWZYZ1U

ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น